สรรพสามิต จ่อชงครม.อนุมัติแพกเกจภาษีใหม่ เน้นยกระดับคุณภาพชีวิต เล็งเก็บภาษีสินค้าที่ให้ความเค็มมี เกลือ-โซเดียม เป็นส่วนประกอบ ยึดหลักการเดียวกับ น้ำตาล เปิดโอกาสผู้ประกอบการปรับตัว 5 ปี พร้อมหนุนอุตสาหกรรม เอส-เคิร์ฟ ทั้งรถยนต์ไฟฟ้า แบตเตอรี่
กรมสรรพสามิต เตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.) พิจารณาแพกเกจการจัดเก็บภาษีสินค้าตัวใหม่ที่ถูกจัดอยู่ในพิกัดภาษีสินค้าสรรพสามิตและปรับปรุงสินค้าเดิมที่มีอยู่ โดยแพกเกจภาษีใหม่จะเน้นทำให้คุณภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้น รวมทั้งเป็นการส่งเสริมให้เกิดอุตสาหกรรมลงทุนใหม่ หรือ new s-curve ซึ่งแพกเกจภาษีใหม่จะเสนอที่ประชุมครม.ภายในเดือนธ.ค.นี้
ผศ.นพ.สุรศักดิ์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม การเก็บภาษีความเค็มอาจมีผลกระทบต่อประชาชนบ้างเล็กน้อย เพราะหากปรับสูตรรสชาติทันทีเลย คนที่ยังกินรสชาติเค็มอาจจะไม่ชิน ซึ่งการปรับสูตรลดความเค็มจะต้องปรับให้ลดลงไม่เกิน 10% ซึ่งลิ้นของผู้บริโภคจะจับไม่ได้ว่าความเค็มเปลี่ยน โดยต้องค่อยๆ ลดความเค็มลงไป แต่ข้อดีคือหากปรับก็เป็นการปรับทุกบริษัท เป็นการไปลดความเค็มหรือลดเกลือตั้งแต่ต้นทาง ผู้บริโภคก็ไม่มีทางเลือก แต่คนที่อยากกินเค็มก็มีสิทธิไปเติมเอง ดังนั้น นอกจากมาตรการทางภาษีแล้ว ที่ต้องทำควบคู่กันไป คือ การรณรงค์ลดบริโภคเค็ม เพราะทุกวันนี้คนก็ยังติดการกินเค็มอยู่
“ขณะนี้คนไทยกินเค็มหรือบริโภคโซเดียมเกินกว่าที่ร่างกายต้องการ 2 เท่า โดยเมื่อ 8 ปีก่อนคนไทยบริโภคเกลือมากถึง 4 พันมิลลิกรัมต่อวัน เกินกว่าที่ร่างกายต้องการ 2 เท่า คือ 2 พันมิลลิกรัมต่อวัน แต่จากการสำรวจล่าสุดมีข้อมูลว่าคนเริ่มบริโภคเกลือลดลงเหลือประมาณ 3,500 มิลลิกรัมต่อวัน จึงต้องเดินหน้ารณรงค์ลดบริโภคเค็มลงอีก ซึ่งเชื่อว่าขณะนี้คนในสังคมตื่นตัวมากขึ้น เห็นได้จากสินค้าต่างๆ เริ่มมีการปรับตัวทำสูตรลดเค็มกันมากขึ้น เช่น น้ำปลาลดโซเดียม ซีอิ๊วลดโซเดียม เป็นต้น เพราะคนต้องการสินค้าทางเลือกสุขภาพมากขึ้น การมีภาษีความเค็มออกมาเครือข่ายก็ไม่ขัดข้อง ซึ่งหากทางสรรพสามิตเห็นว่ามีผลดีก็ควรเร่งขับเคลื่อน” ผศ.นพ.สุรศักดิ์ กล่าว
ขอบคุณข้อมูลจาก : เรื่องเล่าเช้านี้, ประชาชาติธุรกิจ, กรุงเทพธุรกิจ